Please wait...

<< Back

" คืนถิ่นจีนใหญ่ วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2540 "


(น.190) รูป 171 เป็นภาพระหว่างพิธีส่งมอบที่ดีที่สุดที่หาได้ (แอบถ่าย)

(น.190) อีกห้าชั่วโมงจากเวลานี้ ก็จะเป็นเวลาลดธงยูเนี่ยนแจ็ค และธงจีนจะชักขึ้นเหนือฮ่องกง การบริหารของอังกฤษซึ่งเป็นเวลาศตวรรษกึ่งจะสิ้นสุดลง ในระยะเวลาที่ผ่านมานั้นฮ่องกงได้เจริญเติบโตขึ้นมาจากชุมชนเล็กๆ ริมฝั่งทะเลเป็นนครชั้นนำแห่งหนึ่ง และเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีช่วงเวลาที่จะต้องเสียสละ ต้องทนทุกข์ทรมาน และต้องอาศัยความกล้าหาญ เมื่อฮ่องกงผงาดขึ้นมาจากเถ้าถ่านของสงคราม ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ผู้ที่ย้ายถิ่นเข้ามาด้วยความยากไร้เป็นล้านๆ คนถูกดูดซึมเข้ามาอาศัยอยู่ และฮ่องกงได้สร้างตัวเองเป็นสังคมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

(น.191) อังกฤษภูมิใจและถือว่าเป็นเกียรติอย่างพิเศษที่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวความสำเร็จนี้ ภูมิใจในค่านิยมแบบอังกฤษและสถาบันแบบอังกฤษที่เป็นโครงสร้างของความสำเร็จของฮ่องกง ภูมิใจในสิทธิและเสรีภาพที่คนฮ่องกงได้รับ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างพิเศษที่ได้คบค้าสมาคมกับคนฮ่องกงที่เก่งกาจและมีความสามารถอย่างเลิศล้ำ ซึ่งเป็นผู้สร้างรากฐานนั้น ธงอังกฤษจะลงจากยอดเสา ความรับผิดชอบทางการบริหารของอังกฤษจะสิ้นสุดลง แต่อังกฤษยังจะไม่กล่าวอำลาฮ่องกง คนที่อยู่ในฮ่องกงมากกว่าสามล้านห้าแสนคนเป็นคนสัญชาติอังกฤษ ทุกปี คนหนุ่มสาวชาวฮ่องกงเป็นพันๆ คนเรียนอยู่ที่อังกฤษ เราใช้ภาษาเดียวกันและใช้กฎหมายคอมมอนลอร์ของอังกฤษเหมือนกัน และยังมีคนอังกฤษเป็นพันๆ คนที่มาอาศัยอยู่ในฮ่องกง สิ่งที่สืบทอดมาทางครอบครัว มิตรภาพ การค้าและการลงทุน วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ยังเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและลึกซึ้ง อังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ฮ่องกง และฮ่องกงก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อังกฤษ เรายังเป็นส่วนของอนาคตของกันและกัน เราแน่ใจว่าความผูกพันระหว่างกัน จะไม่เพียงแต่คงอยู่ แต่จะพัฒนาต่อไป ปัจจุบันโลกแคบลง บทบาทของฮ่องกงในแง่ที่เป็นประตูผ่านของยุโรปเข้าสู่เอเชียและบทบาทของอังกฤษในแง่ที่เป็นประตูผ่านของเอเชียสู่ยุโรป ทำให้ความผูกพันระหว่างสังคมของเราทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้น

(น.192) ด้วยเหตุผลเหล่านี้ รัฐบาลของข้าพเจ้า และตัวข้าพเจ้าเอง จะสนใจติดตามฮ่องกงและพัฒนาการของฮ่องกงต่อไป สถานกงสุลใหญ่ของอังกฤษจะเปิดทำการในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ จะเป็นสถานกงสุลใหญ่ของเราที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลุ่มติดต่อร่วมจีนอังกฤษ (The Sino-British Joint Liaison Group) จะทำหน้าที่ต่อไปอีกสองปีครึ่งเพื่อหารือเรื่องปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมจีนอังกฤษ (Sino-British Joint Declaration) ปฏิญญาร่วมนั้นจะยังคงมีผลปฏิบัติอยู่อีก 50 ปี ยังอีกหลายปีที่ฮ่องกงจะยังอยู่ในความสนใจของเรา ขณะนี้ฮ่องกงเผชิญหน้ากับการเข้าสู่การปกครองของจีนในเงื่อนไขที่ยอดเยี่ยม คือความมั่งคั่ง มั่นคง และก้าวหน้า ความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในความสามารถและการปรับตัวของชาวฮ่องกง อังกฤษทราบมานานแล้วว่าคนฮ่องกงรู้ดีที่สุดว่าอะไรดีสำหรับฮ่องกง เราไม่สงสัยเลยว่าคนฮ่องกงดูแลฮ่องกงได้ ดังที่สัญญาไว้ในปฏิญญาร่วมและการปฏิบัติตรงตามปฏิญญาร่วมเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จของฮ่องกงในเวลาต่อไป วันนี้สายตาของโลกอยู่ที่ฮ่องกง ข้าพเจ้าขออวยพรให้การส่งคืนฮ่องกงประสบความสำเร็จและให้มีอนาคตที่มั่งคั่งและมีสันติภาพ เมื่อพระราชทานพระราชดำรัสจบแล้ว เป็นเวลาเย็น มีพิธีลดธงยูเนี่ยนแจ็ค และธงฮ่องกง ทหารจากหน่วย Black Watch เดี่ยวปี่สก็อต กองเกียรติยศเดินจังหวะสโลว์มาร์ชออกไป วงดนตรีทุกวงเล่น Finale เพลง Rhythm of My Heart จบแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับพร้อมผู้ว่าราชการ


(น.193) รูป 172 ระหว่างพิธี

(น.193) ท่านเสด็จไปแล้ว คราวนี้ถึงตาเราบ้างล่ะว่าจะทำอะไรดี ฝนก็ไม่หยุดสักที ลงจากอัฒจันทร์มาเห็นลอร์ดและเลดี้วิลสัน ก็เลยเดินออกไปด้วยกัน มีรถบัสจอด เราสี่คนก็ขึ้นไป (มีลอร์ดและเลดี้วิลสันข้าพเจ้ากับไอริส) รถเต็มหมดทุกที่นั่ง มีคนหนึ่งลุกให้ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอบคุณเขาแล้วว่ายืนได้ เพราะเห็นว่าผู้นั้นสูงอายุ ถ้าข้าพเจ้านั่งอยู่แล้ว เขาเดินมา ข้าพเจ้าควรจะลุกให้ เดี๋ยวเดียวก็ถึง Convention Centre


(น.194) รูป 173 ป้ายห้อยคอเข้างาน

(น.194) สถานที่แห่งนี้เป็นอาคาร 5 ชั้นยื่นไปในอ่าววิกตอเรียฝั่งเกาะฮ่องกง หลังคาโค้ง มุงด้วยอะลูมิเนียม มองจากฝั่งเกาลูนจะเห็นคล้ายนกนางนวลกำลังโผบินในท้องฟ้าเหนืออ่าวฮ่องกง (เอาอีกแล้ว ข้าพเจ้ามองอีกทีก็ยังไม่เห็นว่าเหมือน) เริ่มก่อสร้างส่วนต่อเติม Hong Kong Convention and Exhibition Centre เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1995 โดยการถมทะเลพื้นที่ 6.5 เอเคอร์ เพื่อใช้เป็นฐานรองรับอาคารต่อเติมใหม่ ขนาดอาคารโดยรอบเท่ากับสนามฟุตบอล 6 สนาม พื้นที่ใช้สอย 155,000 ตารางเมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้วรวมกับอาคารเดิมจะได้ห้องประชุมขนาดใหญ่ 5 ห้อง ห้องประชุมย่อย 52 ห้อง เมื่อไปถึงแล้ว ข้าพเจ้าต้องแยกกับลอร์ดและเลดี้วิลสัน เพราะว่าเขาเป็นผู้ว่าราชการเก่าจึงเป็นแขกพิเศษ ส่วนข้าพเจ้านั้นเจ้าหน้าที่ต้อนรับอธิบายว่าจะต้องไปอยู่ในกลุ่มของตนที่ level 3 เพื่อร่วมงาน Reception และดูดอกไม้ไฟซึ่งจะจุดเหนืออ่าววิกตอเรีย มีความยาวราว 22 นาที ที่ป้ายห้อยคอ ซึ่งมีรูปและชื่อของข้าพเจ้า เขียนว่าเป็น Guest มี Marking tape เขียนเบอร์อะไรต่างๆหลายอย่าง อักษรกลุ่มที่ข้าพเจ้าต้องไปยืนคือ F จะมีคนถือป้าย A, B, C, E, F…บอกเอาไว้ ข้าพเจ้ากับไอริสเดินกันทั่วหมด ก็ไม่เห็น F เดินขึ้นข้างบนลงข้างล่าง

(น.195) จนเหนื่อย ไม่ได้กินและไม่ได้ดูพลุ ระหว่างเดินเจอแต่คุณสุรินทร์ ปลากระป๋องปุ้มปุ้ย ทักทายกันหน่อยเดียว จะให้เขาช่วยหากลุ่มให้ก็ไม่ได้ เพราะคุณสุรินทร์ไม่ได้อยู่กลุ่ม F และดูท่าทางหากลุ่มตัวเองไม่เจอเหมือนกัน ผลสุดท้ายมีประกาศให้เข้าห้องรับประทานอาหารที่ Hall 2, Level 5 ก็เลยไป แต่เห็นจะเร็วไปหน่อย กลายเป็นแขกคนแรกในห้อง นั่งโต๊ะไหนก็ไม่ทราบเพราะว่า marking tape ที่ติดไว้ถูกน้ำเปียกหลุดไป จำก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีชื่อแขก ก็เลยชี้ให้ข้าพเจ้าลองนั่งโต๊ะสุดห้อง ไอริสให้ข้าพเจ้าจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขาไว้ เพราะเขาไม่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้ มีอะไรจะได้เรียกกันได้ แต่สักประเดี๋ยวเขาเปลี่ยนใจว่าจะอยู่ด้วยต่อไป ถึงไม่มีสิทธิ์เข้า แต่ใครจะมาไล่เขาได้ ระหว่างนี้ข้าพเจ้าก็นั่งโต๊ะ จิบไวน์ที่เขาเอามาเสิร์ฟ และรับประทานขนมปัง ครู่หนึ่งมีนักธุรกิจชาวตะวันตกมานั่งสามสี่คน คุยกันถามว่าเขาทำธุรกิจอะไรบ้าง ได้ทราบว่าเป็นกิจการใหญ่ๆ ในฮ่องกง บางบริษัทมีสาขาในเมืองไทย ส่วนข้าพเจ้าว่ามาในฐานะนักวิชาการ ทุกคนที่คุยด้วยมีความเห็นว่าธุรกิจในฮ่องกงจะดีเหมือนเดิม อาจจะดีกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ถามความเห็นพวกเขาถึงเสิ่นเจิ้น ฟังเสียงเหมือนว่ายังไม่ชอบเท่าฮ่องกง คนหนึ่งว่างานที่ East Tamar นั้นเราควรจะร้องไห้ แต่มัวหลบฝนเลยลืมไป


(น.196) รูป 174 เมนู

(น.196) หันไปอีกที่เห็นกงสุลแอ๊เข้ามา ไอริสโทรศัพท์เรียก ได้ความว่าติดอยู่ที่ East Tamar กับใครๆ อีกราว 200คน ไปไหนไม่ได้ไม่มีรถรับ พอดีรู้จักกับทูตกรีก ซึ่งโมโหจัด ไปยืนขวางถนนทำให้รถบัสหรือรถเมล์จอดรับ จึงมากันได้หมด ที่จริงแล้วข้าพเจ้ามีที่นั่งอยู่โต๊ะหลักเบอร์ K 2 มีป้ายชื่อที่โต๊ะ พบกับเจ้าชาย Jochim แห่งเดนมาร์กกับพระชายา เจ้าชายบรูไน Baroness Thatcher และ Sir Denis Thatcher พระชายาเจ้าชาย Jochim เกิดและโตที่ฮ่องกง จึงอยากมาร่วมพิธีนี้ ท่านว่าถึงจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นความก้าวหน้าของฮ่องกงไปอีกก้าวหนึ่ง แต่ก็อดที่จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงและน้ำตาไหลไม่ได้ ข้าพเจ้ากับเจ้าชายกล่าวถึงการเสด็จเยือนประเทศไทยของมกุฎราชกุมารว่า ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเชื่อมสัมพันธไมตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการส่งเสริมธุรกิจ ข้าพเจ้าได้ไปร่วมงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ Sir Denis Thatcher บอกว่าเมื่อเสร็จพิธีนี้แล้วจะกลับลอนดอนเลย ส่วน Baroness Thatcher จะเดินทางต่อไปญี่ปุ่น เพราะว่าจะต้องไปบรรยาย ส่วนใหญ่การบรรยายจะใช้หัวข้อตามที่เจ้าภาพกำหนดให้คร่าวๆ ถ้าเจ้าภาพไม่กำหนด หรือกำหนดไว้กว้างๆ ก็จะเสนอกับ

Next >>